ชนิดและการใช้งานของยาง
ยางแบ่งออกเป็น 2ชนิดหลักๆ ดังนี้
1.ยางธรรมชาติ Natural Rubber
2.ยางสังเคราะห์ Synthetic Rubber
ยางธรรมชาติ NATURAL RUBBER (NR)
ยางธรรมชาติ (NR) คือยางที่มาจากต้นยางพาราโดยตรง ไม่ผ่านกรรมวิธีใดๆ
คุณสมบัติของยางธรรมชาติ (NR)
•ยางธรรมชาติ ทนการเสียดสี รับแรงกระแทก และยืดหยุ่นตัวได้ดี ทนความร้อน -20°C ถึง 80°C เหมาะสำหรับใช้ทำยางรถยนต์ ยางรองกันกระเทือน ท่อยาง สายพาน พื้นรองเท้า อุปกรณ์ทางการแพทย์
•ยางธรรมชาติ จะไม่ทนต่อน้ำมันเมื่อแช่ในสาย Hydrocarbon จะพองและบวม
ยางสังเคราะห์ SYNTHETIC RUBBER
ยางสังเคราะห์ (SR) คือยางวิทยาศาสตร์ เป็นยางสังเคราะห์ขึ้นเพื่อเลียนแบบยางธรรมชาติ ได้แก่ยาง FKM/Viton, CR, NBR, SBR, EPDM, CSM, FPM, PU, AU, EU เป็นต้น
•FKM / Viton™ เป็นยางประสิทธิภาพสูง ทนทานต่ออุณหภูมิที่สูง โอโซน สภาพอากาศ ออกซิเจน มิเนอรัลออยล์ เชื้อเพลิง น้ำมันไฮดรอลิค อะโรมาติก รวมทั้งสารเคมีและสารละลายอินทรีย์อีกหลายชนิดได้เป็นอย่างดี ทนอุณหภูมิ -26°C ถึง 250°C ใช้งานได้ดีในงานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม แก๊สLPG เชื้อเพลิงหรือผสมกับเมทานอลหรือเอทานอล ดีเซลหรือผสมกับไบโอดีเซล
•Nitrile Rubber (NBR) ยางสังเคราะห์ไนไทรล์ ยางชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นคือทนต่อน้ำมันปิโตรเลียม LPG และตัวทำละลายที่ไม่มีขั้วต่างๆได้ดี จึงนิยมใช้นำไปใช้ทำ ประเก็นน้ำมัน ยางโอริง ยางซีล ยางเชื่อมข้อต่อ อุปกรณ์แก๊สLPG ที่มีซีลยาง ส่วนมากจะใช้ยางชนิดนี้ เช่น บอลวาล์ว, Rochester Gauge
•Polychloroprene (CR) เหมาะสำหรับทำผลิตภัณฑ์ที่ต้านการติดไฟ เช่น สายไฟ สายเคเบิ้ล ท่อยาง
•Styrene-Butadiene Co-Polymer (SBR) จะไม่ทนต่อน้ำมัน และสารทำละลายต่างๆรวมทั้งสารประกอบฮาโลเจน เหมาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์
•Ethylene Propylene (EPM), Ethyleme Propylene diene Rubbers (EPDM) ทั้ง EPM และ EPDM เป็นยางที่อิ่มตัว ยางชนิดนี้ไม่ทนต่อน้ำมัน EPM และ EPDM มีคุณสมบัติความต้านทานไฟฟ้าได้ดี เสถียรต่อการแผ่รังสี เป็นกลุ่มยางสังเคราะห์ที่มีความหนาแน่นต่ำที่สุด
•Chlorosulfonated Polyethylene (CSM) มีความต้านทานการถูกออกซิไดซ์จากจากออกซิเจน โอโซน แสงอัลตราไวโอเลตที่ดีมาก จึงทำให้มีความทนทานต่อน้ำมันได้ดี นิยมใช้งานในด้านต่างๆมากมาย เช่น วัสดุหลังคา หุ้มสายไฟฟ้า สายเคเบิล
•Fluorocarbon Rubber (FPM) ยางประเภทนี้ นิยมนำไปทำซีลยางกันรั่วสำหรับเครื่องยนต์ เนื่องจากยางชนิดนี้ทนทานต่อความร้อน เช่น ซีล ปะเก็น ฉนวนหุ้มสายไฟ
•Silicone Rubber ยางซิลิโคน มีความทนทานต่อความร้อนได้ถึง 200องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่ายางทั่วไป มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความทนต่อน้ำมันเช่นเดียวกับยางพอลิดลอโรพรีม
•Polyurethane Tubbers (AU, EU, PU) โพลียูรีเทนส่วนใหญ่เป็นพลาสติกชนิดเทอร์โมเซ็ต ทนความร้อนได้ -40°C ถึง 100°C มีความเหนียว ทนทางต่อการขัดสี ทนต่อแรงลมอัดได้สูง นิยมใช้ในงานขึ้นรูปโลหะ ทำอุปกรณ์เชื่อมต่อ หุ้มลูกกลิ้งอุตสาหกรรม
สรุปได้ว่า : ยางที่เหมาะสำหรับงานแก๊สLPG มากที่สุด คือ ยาง Nitrile Rubber (NBR) และ FKM / Viton ซึ่งยางNBR จะนิยมใช้มากกว่าเนื่องจากยาง Viton ใช้งานดีกว่าแต่ราคาก็สูงกว่ายาง NBR
อ้างอิงข้อมูลจาก : ssprubber.com, pneu-hyd.co.th, http://www.vitonthai.com , https://th.gmors.com/fkm-viton.htm